"ทำบุญสองสลึง ทำให้แผ่นดินไหว"
ในอดีตกาลล่วงมาแล้ว สมัยองค์พระผู้มีพระภาคเจ้า ยังทรงพระชนย์อยู่ มีพระยาเจ้าเมือง เมืองหนึ่ง มีใจศรัทธาปรารถนาจะถวายผ้ากฐินเป็นทาน จึงได้ป่าวประกาศไปทั่วบ้านเมือง เพื่อเชิญชวนให้ชาวเมืองได้ร่วมทำบุญในครั้งนี้
ข่าวทราบถึงมหาเศรษฐีสองคนผัวเมีย มีเงินทองอยู่ ๘๘ โกฏิ เขาทั้งสองเกิดความศรัทธา ปิติยินดีในกองบุญกฐินนั้น จึงตั้งใจที่จะร่วมถวายทานผ้ากฐิน
ตกกลางคืนมาสองผัวเมียก็มาคิดว่า...ตัวเรานี้มีข้าวของมากมาย แต่ไม่มีอันใดเลยที่หามาด้วยน้ำพักน้ำแรงของตน มีแต่ใช้คนอื่นหามา มันจะเกิดอานิสงส์แก่เรามากไหมหนอ
เมื่อคิดอย่างนั้น ผู้เป็นผัวจึงชวนเมียว่า...พรุ่งนี้เช้าเราพากันไปเกี่ยวหญ้ามาขาย เอาเงินที่ได้ด้วยน้ำพักน้ำแรงเราไปทำบุญ มันจักได้บุญมาก ผู้เป็นเมียจึงตอบตกลง
พอรุ่งเช้าก็พากันถือเคียวเที่ยวเกี่ยวหญ้า กลางแดดร้อน ได้หญ้ามาสามมัดจึงเอามาสาง เอามาล้างเเล้วมอบให้คนใช้นำไปขายให้คนเลี้ยงม้า ได้เงินมาสามสลึงจึงมอบให้คนใช้ สลึงหนึ่ง ผัวเอาสลึงหนึ่ง เมียได้สลึงหนึ่ง สองคนผัวเมียได้เงินสองสลึงแล้ว จึงพากันนำเงินนั้นมาชำระล้าง ด้วยน้ำอบน้ำหอมตั้งจิต อธิษฐานยกเงินขึ้นเหนือหัวแล้วตั้งสัจจะอธิษฐานด้วยความปิติยินดี แล้วคิดว่านี่เเหละ คือเงินที่ได้มาด้วยน้ำพักน้ำแรงของเรา เราจะได้บุญมาก
จากนั้นสองคนผัวเมียมหาเศรษฐีจึงเดินทางไปที่บ้านของพระยาเจ้าเมือง พอไปถึงก็เดินเข้าไปในบ้าน ไปหยุดตรงที่เขาตั้งขัน รับบริจาคทานบุญกฐินไว้ เขาจึงพากันหย่อนเงินลง "แก๊ก แก๊ก" แล้วก็เดินออกไป
พอพระยาเจ้าเมืองเห็นจึงเดินมาดูในขัน เห็นเงินอยู่สองสลึงจึงเกิดโทสะ โกรธขึ้นเป็นฟืนเป็นไฟ
"ว่า ไอ้อี สองคนนี้มันเป็นถึงมหาเศรษฐี มีข้าวของ ๘๘ โกฏิ มาตระหนี่ดูถูกดูแคลนกู กูตั้งกองบุญกฐิน เอาเงินมาร่วมนิดเดียว“
จึงหยิบเงินคว้างทิ้งลงพื้น กระเด็นไปตกข้างกำแพง
พอถึงเวลา พระยาเจ้าเมืองและบริวารชาวบ้านชาวเมืองจึงพากันแห่ผ้ากฐินเข้าไปสู่อารามเพื่อจะถวายพระพุทธเจ้า ครานั้นแผ่นดินไหวสนั่นไปทั่ว บังเกิดต้นกัลปพฤกษ์งอกขึ้นตรงที่เงินสองสลึงตกอยู่ พระยาเจ้าเมืองดีใจว่า กูนี้เป็นผู้มีบุญมาก ทำบุญกฐินแผ่นดินพอไหว ต้นไม้กัลปพฤกษ์พองอก
จึงวิ่งเข้าไปหมายจักหยิบเงินทองข้าวของที่ห้อยอยู่บนกิ่งกัลปพฤกษ์ แต่เข้าไม่ถึง เกิดร้อนขึ้นนัยตาแทบแตก ใครก็เข้าไม่ถึง มีแต่สองคนผัวเมียมหาเศรษฐีเท่านั้นที่เข้าไปได้ และนำต้นกัลปพฤกษ์มาวางบนฝ่ามือได้พอดี
เมื่อนั้นองค์พระพุทธเจ้า จึงได้ตรัสว่า...
"เหตุที่แผ่นดินไหว และต้นกัลปพฤกษ์งอกขึ้นนั้น มิใช่เพราะนาบุญของท่านพระยาเจ้าเมือง เป็นเพราะอานิสงส์ของสองคนผัวเมียมหาเศรษฐี นั่นแหละ"
คนเราอย่าได้นับประมาท ดูถูกดูแคลนคนที่เขาทำบุญน้อยนิด เพราะเขาอาจจะแลกด้วยชีวิตถึงจะได้เงินนั้นมาทำบุญ เขาอาจจะได้ อานิสงส์มากว่าเราที่มีเงินแสนเงินล้านอีกก็ได้
"บุญมิได้วัดกันที่ค่าของทรัพย์สินเงินทอง แต่มันอยู่ที่กำลังใจนั่นแหละ"
(บางทีชาวไร่ชาวที่ยากจนนำเงินน้อยนิดที่ได้จากน้ำพักน้ำแรงของตนมาทำบุญ อาจจะได้อานิสงส์มากกว่าคนรวยๆที่ได้เงินมาง่ายๆเสียอีกเน้อ)
#หลวงปู่ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา
วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม จ.ลำพูน