หมวดหมู่ | หลวงพ่อพระใส วัดโพธิ์ชัย จ.หนองคาย |
ราคาปกติ | |
ลดเหลือ | 799.00 บาท |
สถานะสินค้า | พร้อมส่ง |
ลงสินค้า | 6 ส.ค. 2563 |
อัพเดทล่าสุด | 21 ก.ย. 2567 |
จำนวน | ชิ้น |
"หลวงพ่อพระใส" พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองหนองคาย เป็นพระพุทธรูปขัดสมาธิราบปางมารวิชัย หล่อด้วยทองสีสุก มีพระรูปลักษณ์งดงามมาก ขนาดหน้าตัก กว้าง 2 คืบ 8 นิ้ว ส่วนสูงจากพระสงฆ์เบื้องล่างถึงยอดพระเกศ 4 คืบ 1 นิ้ว ของช่างไม้ และเป็นที่เคารพศรัทธาเลื่อมใสของชาวอีสานมาช้านาน
เชื่อกันว่าผู้ใดมีวัตถุมงคลของท่านไว้สักการบูชา จะแคล้วคลาดจากภัยพิบัติทั้งปวง และมีโชคลาภนานาประการ
วัตถุประสงค์ : เพื่อหาปัจจัยก่อสร้างอาคารพลับพลาเพื่อประดิษฐานองค์ หลวงพ่อพระใส และถาวรวัตถุต่างๆ ภายในวัดโพธิ์ชัย
พิธีพุทธาภิเษก วันอาทิตย์ที่ 13 สิงหาคม ณ พระอุโบสถหลวงพ่อพระใส วัดโพธิ์ชัย(พระอารามหลวง)
พลโทสุเจตน์ วัตนสุข แม่ทัพภาคที่ 2 จุดเทียนน้ำมนต์
ประกอบพิธีพุทธาภิเษกโดยพระอาจารย์ชื่อดัง นั่งปรกปลุกเสก อาทิ
ประวัติการสร้าง สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ได้ลงความเห็นไว้ในหนังสือตำนานพุทธเจดีย์สยามหน้า 102 กว่า ว่า..
เป็นพระพุทธรูปหล่อในสมัยล้านช้าง...ตามตำนานที่เล่าสืบต่อๆ กันมามีพระราชธิดา 3 พระองค์แห่งกษัตริย์ล้านช้างเป็นผู้สร้าง บางท่านก็ว่าเป็นพระราชธิดาของพระไชยเชษฐาธิราชได้หล่อพระพุทธรูปขึ้นมา 3 องค์ โดยมีขนาดลดหลั่นกันไปตามลำดับ
พร้อมขนานนามตามนามของตนเองไว้ด้วยว่า...พระเสริมประจำพี่ใหญ่ พระสุกประจำคนกลาง พระใสประจำน้องสุดท้อง
เดิมที "หลวงพ่อพระใส" ประดิษฐาน ณ เมืองเวียงจันทน์
พ.ศ.2321 สมัยกรุงธนบุรีได้อัญเชิญไว้ที่ เมืองเวียงคำ และถูกเชิญมาประดิษฐานไว้ที่วัดโพนชัย เมืองเวียงจันทน์ อีกที
อีกต่อมาในรัชกาลที่ 3 เจ้าอนุวงศ์ เมืองเวียงจันทน์ เป็นกบฏ สมเด็จพระบวรเจ้ามหาศักดิ์พลเสพย์ เป็นจอมทัพยกพลมาปราบ จึงได้อัญเชิญ พระสุก พระเสริม และพระใส ลงมาด้วย โดยอัญเชิญมาจากภูเขาควายขึ้นประดิษฐานบนแพไม้ไผ่ ซึ่งผูกติดกันอย่างมั่นคงล่องมาตามลำน้ำงึม เมื่อล่องมาถึงตรงบ้านเวินแท่นในขณะนั้นเกิดอัศจรรย์แท่นของพระสุกได้เกิดแหกแพจมลงในน้ำ โดยเหตุที่มีพายุพัดแรงจัด และบริเวณแห่งนั้น ได้นามว่า "เวินแทน"
การล่องแพก็ยังล่อมาตามลำดับจนถึงแม่น้ำโขง(ปากน้ำงึม)เฉียงกับบ้านหนองกุ้ง อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย ได้เกิดพายุเสียงฟ้าคำรามคะนองร้องลั่น ในที่สุดพระสุกได้แหกแพจมลงไปในน้ำซึ่งอาการวิปริตต่าง ๆ ก็ได้หายไปเป็นอัศจรรย์ยิ่ง บริเวณนั้นจึงได้ชื่อว่า "เวินสุก" และพระสุกก็จมอยู่ในน้ำตรงนั้นมาจนถึงปัจจุบันนี้
ก็ยังเหลือแต่ พระเสริม พระใส ที่ได้นำขึ้นมาถึงเมืองหนองคาย พระเสริม นั้นได้ถูกอัญเชิญประดิษฐานไว้ ณ วัดโพธิ์ชัย ส่วนพระใสได้อัญเชิญประดิษฐานไว้ ณ วัดหอก่อง ปัจจุบันคือ วัดประดิษฐ์ธรรมคุณ
ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 4 สมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงโปรดเกล้าฯ ให้ขุนวรธานีและเจ้าเหม็น(ข้าหลวง)อัญเชิญพระเสริม จากวัดโพธิ์ชัย หนองคาย ไปกรุงเทพฯ และอัญเชิญพระใสจากวัดหอก่องขึ้นประดิษฐานบนเกวียนจะอัญเชิญลงไปกรุงเทพฯ ด้วย แต่พระมาถึงวัดโพธิ์ชัย หลวงพ่อพระใสได้แสดงปาฏิหาริย์จนเกวียนหักจึงอัญเชิญลงไปไม่ได้ ได้แต่พระเสริมลงกรุงเทพฯ ประดิษฐาน ณ วัดปทุมวนาราม
ส่วนหลวงพ่อพระใสได้อัญเชิญประดิษฐานไว้ ณ วัดโพธิ์ชัย อำเภอ เมืองหนองคาย จนถึงปัจจุบัน
เมื่อองค์หลวงพ่อพระใสมาประดิษฐานอยู่ ณ วัดโพธิ์ชัยแล้ว อาศัยที่ได้เห็นความศักดิ์สิทธิ์และอัศจรรย์หลายประการ จึงเป็นที่ศรัทธาเคารพนับถือและสักการะบูชาของประชาชนที่มีแต่หลวงพ่อพระใสที่ให้ความสำเร็จความร่มเย็นเป็นเสมือนร่มโพธิ์ร่มไทร ที่ให้พุทธศาสนิกชนชาวไทยได้ยึดเหนี่ยวจิตใจ และอานุภาพความศักดิ์สิทธิ์ ความอัศจรรย์ขององค์หลวงพ่อพระใสจนได้สมญานามว่า "หลวงพ่อเกวียนหัก"
แม้ตราบเท่าทุกวันนี้ พระบารมีที่คุ้มครองและพระเมตตาธรรมขององค์หลวงพ่อพระใส ยังคงแผ่ปกป้องคุ้มครอง ขจัดปัดเป่าภัยพิบัติให้แก่ผู้หวังพึ่งบารมีอย่างไม่เสื่อมคลาย เป็นที่อัศจรรย์ยิ่ง ยิ่งอัศจรรย์ อีกทั้งยังทำให้วัดโพธิ์ชัยเป็นสถานที่ท่องเที่ยวให้พุทธศาสนิกชนจากทั่วประเทศและพี่น้องชาวต่างชาติได้มาสักการะบูชาหลวงพ่อพระใสอย่างไม่ขาดสาย
พุทธคุณโด่ดเด่นในเรื่อง ปกป้อง คุ้มครอง เมตตา แคล้วคลาดปลอดภัย เจริญไปด้วยโภคทรัพย์ นำสิ่งที่ดีสิ่งที่เป็นมงคลมาให้ในชีวิตอย่างน่าอัศจรรย์ใจ คิดสมความปรารถนา
คำบูชาหลวงพ่อพระใส
ตั้งนะโม 3 จบ
"อะระหัง พุทโธ โพธิชโย เสยยะคุโณ โพธิสัตโต มะหาลาโภ ปิยัง มะมะ ภะวันตุโน โหตุ สัพพะทาฯ"