พระครูพิพัฒน์ธรรมคุณหรือหลวงพ่อเตียง วัดเขารูปช้าง อดีตพระคณาจารย์ชื่อดังของเมืองพิจิตร ศิษย์สายหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน โดยสืบทอดพุทธาคมมาจาก หลวงพ่อพิธ วัดฆะมัง วัตถุมงคลที่โดดเด่นเป็นที่รู้จักคือตะกรุด เหรียญรุ่นแรก, รูปหล่อรุ่นแรก ปัจจุบันเริ่มหายากสนนราคาปรับสูงขึ้นตามลำดับ
หลวงพ่อเตียงเกิดเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์พ.ศ. 2444 ตรงกับวันพฤหัสบดีขึ้น 13 ค่ำเดือน 3 ปีฉลูที่บ้านดงกลางตำบลดงปาคำอำเภอเมืองจังหวัดพิจิตร อุปสมบทเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์พ.ศ. 2466 ณพัทธสีมาวัดดงกลางโดยมีพระครูศิลธรารักษ์ (ยิ้ม ทัดเที่ยง) เจ้าอาวาสวัดท่าหลวงและเจ้าคณะจังหวัดพิจิตรเป็นพระอุปัชฌาย์เจ้าอธิการปุ่นเป็นพระกรรมวาจาจารย์และพระปลัดเป้าเป็นพระอนุสาวนาจารย์ศึกษาพระธรรมวินัยอันเป็นธรรมเนียมพระนวกะหรือผู้บวชใหม่ เคยไปเรียนแพทย์แผนโบราณกับหมอแก้วท่าบัวทองที่อำเภอโพธิ์ประทับช้างด้านพุทธาคมไสยเวทย์เบื้องต้นได้ศึกษาจากเจ้าอธิการปุ่นซึ่งเป็นพระกรรมวาจาจารย์ของท่านจากนั้นได้ไปศึกษาวิปัสสนากัมมัฏฐานจาก หลวงพ่อพิธ วัดฆะมัง รวมถึงพุทธาคมไสยเวทย์และสรรพศาสตร์ต่างๆจนมีความชำนาญและเชี่ยวชาญสามารถนำมาใช้และปฏิบัติได้เข้มขลัง ตลอดเวลาในสมณเพศท่านเป็นผู้ยึดมั่นเคร่งครัดพระธรรมวินัยอบรมสั่งสอนพุทธบริษัทให้ยึดมั่นในพระรัตนตรัยสงเคราะห์ช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยากและเอาใจใส่ในการพระศาสนาต่อมาได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ที่พระครูพิพัฒน์ธรรมคุณ เมื่อย่างเข้าสู่วัยชราบั้นปลายของชีวิตท่านเริ่มอาพาธด้วยโรคาพยาธิต่างๆต้องเข้า-ออกโรงพยาบาลเป็นประจำ วันที่ 12 มีนาคมพ.ศ. 2520 เวลา 09.20 น. ท่านได้ถึงแก่มรณภาพรวมสิริอายุ 76 ปี 53 พรรษา
วัตถุมงคลหลวงพ่อเตียง วัดเขารูปช้าง วัตถุมงคลของท่านมีหลายชนิดแต่ที่ได้รับความนิยมรู้จักแพร่หลายคือตะกรุด ซึ่งตะกรุดของท่าน อั่ว หรือหลอดด้านในจะเป็นอั่วทองแดง นอกจากตะกรุดเนื้อตะกั่ว แล้วยังมีชนิดม้วนรวมกันสามชั้นคือตะกั่ว ทองเหลือง ทองแดง หากมีการถักเชือก ลักษณะการถักคล้ายกับของหลวงพ่อพิธ วัดฆะมัง มีทั้งลงรักและไม่ลงรัก รวมถึงการไม่ถักเชือก อานุภาพในตะกรุดของท่านนั้น เด่นทางการคงกระพันชาตรี การลงอักขระเลขยันต์ในตะกรุดเฉพาะยันต์ด้านในมีชื่อเรียกตามตำราพิชัยสงคราม ว่า ยันต์ลงตะกรุดคู่ชีวิต หรือยันต์อาวุธพระพุทธเจ้า ลงด้วยพระคาถาสัจจาธิษฐานของพระพุทธเจ้าว่า “อะสิสัตติ ธนูเจวะ สัพเพเตอาวุธานิ จะภัคคะภัคคาวิจุณณานิโลมังมาเมนะผุสสันติ” เป็นสำคัญ หนุนด้วยธาตุทั้งสี่ บารมีสามสิบทิศ ล้อมรอบด้วยอิติปิโสแปดทิศ นวหรคุณ และไตรสรณคมณ์ พร้อมทั้งยังมียันต์ประทับหลังตะกรุด ซึ่งยันต์ประทับหลังนี้ ท่านได้เพิ่มเติมยันต์ที่เห็นว่ามีความศักดิ์สิทธิ์ลงไปอีกเพิ่มจากต้นตำรับเดิม จึงทำให้ตะกรุดท่านทรงอาณุภาพมาก ทั้งด้านคงกระพันชาตี และเมตตา มีครบทุกอย่างครับ
*** คำเล่าจากประสบการณ์ (โปรดใช้วิจารณณาณในการรับฟัง) ***
เรื้องนี้เกิดกับหลายชายของอาจารย์เทิ้ม (เจ้าอาวาสวัดเขารูปช้างองค์ต่อมาจากหลวงพ่อเตียง) หลานชายของท่านชื่อว่า นายอุดม คำหมู่ เป็นคนในตำบลนั้นเองได้ถูกโจรเข้าปล้นบ้าน ซึ่งในค่ำคืนวันนั้นเป็นความบังเอิญที่ นายอุดม อยู่บ้านเพียงลำพังคนเดียว เมื่อพวกโจรได้จู่โจมเข้ามาปล้น นายอุดม นั้น มันได้ช่วยกันจับตัวนายอุดมเอาไว้และให้บอกที่ซ่อนทรัพย์สิน อาจจะเป็นด้วยนายอุดมเสียดายทรัพย์สินที่สู้อดออมถนอมใช้ด้วยความมานะบากบั่นตลอดระยะเวลาอันยาวนาน จึงไม่ยอมบอกที่ซ่อนทรัพย์ยิ่งไปกว่านั้นยังร้องเรียกให้ชาวบ้านมาช่วยเหลือด้วยเสียงอันดังอีกด้วย เมื่อพวกโจรเห็นเช่นนั้นจึงได้จ่อยิงนายอุดมด้วยปืนยูเอสขนาด 11 มม. หลายนัดก็ปรากฎว่า กระสุนด้านไม่ดังเลยสักนัดเดียว ทำให้นายอุดมมีกำลังใจหึกเหิมกระโดดเข้าต่อสู้กับพวกโจรเป็นพัลวัล เมื่อพวกโจรช่วยกันยิง นายอุดม ด้วยปืนหลายกระบอกไม่ออกเช่นนั้นก็นึกว่านายอุดมจะต้องมีของดีเป็นแน่ มันจึงช่วยกันปล่ำจับ นายอุดม ขึงพืด และด้วยนายอุดมเป็นคนล่างเล็กสู้แรงโจรไม่ได้มันล้วงดูที่คอไม่เห็นมีอะไร จึงจับนายอุดมและดึงตะกรุดโทนหลวงพ่อเตียงที่เอวออก แต่นายอุดมได้ยื้อแย่งได้แค่เพียงสายตะกรุดเท่านั้น เมื่อโจรมันได้ตะกรุดไปแล้วก็หันปากกระบอกปืนกลับมายิงอีกหลายนัดก็ยิงไม่ออก เสียงดังแชะๆเท่านั้นเอง ผลสุดท้ายพวกโจรต้องรีบล้าถอยโดยไม่ได้อะไรไปเลยสักนิดเดียว นายอุดม รอดชีวิตมาได้เพราะอิทธิปาฏิหาริย์ในตะกรุดโทนคู่ชีวิตของหลวงพ่อเตียง วัดเขารูปช้าง เพียงดอกเดียวเท่านั้นและแม้พวกโจรจะแย่งเอาตะกรุดไปแล้วเพียงแค่สายตะกรุดที่อยู่ในมือเพียงนิดเดียวเท่านั้นก็ยังคุ้มลูกกระสุนได้อย่างมหัศจรรย์เลยทีเดียว
ดอกนี้เป็นเนื้อตะกั่ว ข้างในเป็นอั่วทองแดง ขนาดมาตรฐาน 3 นิ้ว สภาพใช้ พอสวย ใช้แทนของหลวงพ่อพิธ วัดฆะมังได้สนิทใจครับ ของหลวงพ่อพิธ ราคาไปไกลมากๆแล้วครับ และหาไม่ใด้ด้วย เก็บ หลวงพ่อเตียง ดีกว่า ยังพอหาได้ครับ