พระอู่ทองสุวรรณภูมิ ปี47 (เนื้อสัมฤทธิ์รมดำ) ที่ระลึกเปิดอาคารเรียนเจ้าคุณธงชัย โรงเรียนวัดแหลมแค จ.ชลบุรี
"พระอู่ทองสุวรรณภูมิ" นั้น เป็นพระที่มีพุทธศิลปะงดงามมากถือว่าเป็นต้นกำเนิดของศิลปะอู่ทองที่สืบทอดต่อๆ ลงมาและเรียกกันว่า "พระพุทธรูปอู่ทอง" ซึ่งแบ่งออกเป็น หน้าแก่ หน้ากลาง หน้าหนุ่ม
ในการศึกษาทางประวัติศาสตร์และโบราณคดี ดินแดนสุวรรณภูมิ ซึ่งแปลว่า แผ่น ดินทอง มีปรากฏในเอกสารอินเดีย ลังกา และจดหมายเหตุปโตเลมี ตลอดจนคัมภีร์ทางพุทธศาสนามาเนิ่นนานแล้ว ในบางครั้งจะถูกเรียกในความหมายเดียวกันว่า "สุพรรณภูมิ" นับเป็นดินแดนอันรุ่งเรือง หรือ "แผ่นดินทอง" ของพุทธศาสนา มีการเผยแผ่และขยายตัวของพุทธศาสนาในระดับสูง
"สุวรรณภูมิ" จะเป็นภาพรวมของดินแดนในภูมิ ภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือดินแดนตลอดแหลมมลายูอันถูกนับเนื่องเข้าเป็น "ชมพูทวีป" มีอายุในราวพุทธศตวรรษที่ 17-18 ซึ่งแตกต่างจาก "แคว้นสุพรรณภูมิ" ที่ปกครองโดยราช วงศ์สุพรรณบุรี ตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 19 เป็นต้นมา
ช่วงเวลาของ "สุวรรณภูมิ" นั้น เป็นรอยต่อที่คาบเกี่ยวกันระหว่างทวารวดี-ลพบุรี เป็นยุคสมัยก่อนสุโขทัยในบริเวณตอนเหนือ และอยุธยาในบริเวณที่ราบลุ่มภาคกลาง โดยศูนย์กลางของดินแดนได้ถูกนักประวัติศาสตร์ นักโบราณคดีถกเถียงกันอย่างมาก มาย ก่อนจะสรุปกันแน่ชัดว่า ดินแดนสุวรรณภูมินั้นน่าจะมีศูนย์กลางอยู่ที่ อ.อู่ทอง หรือ อ.จรเข้สามพัน ในอดีต จ.สุพรรณบุรี ดังข้อสันนิษฐานของ ศาสตราจารย์ฌอง บวซ เซลิเยร์ (Prof.Jean Boisselier) นักโบราณคดีชาวฝรั่งเศส ซึ่งได้ร่วมกับกรมศิลปากรดำเนินการขุดแต่งโบราณสถานในเขต อ.อู่ทอง ที่ว่า "เท่าที่ทราบจากหลักฐานต่างๆ ทางด้านประวัติศาสตร์ ข้าพเจ้าคิดว่าเมืองอู่ทองคงเป็นเมืองสุพรรณบุรีเมืองแรก คือเป็นราชธานีแห่งอาณาจักรสุวรรณภูมิ และเขตแดนด้านตะวันตกของอาณาจักรนี้ตรงกับ "เขตทอง" หรือ จินหลิน (Chin lin) ของนักประวัติศาสตร์จีนนั่นเอง"
ในคัมภีร์ทางพุทธศาสนา ได้กล่าวถึงดินแดนสุวรรณภูมิ อันเป็นศูนย์กลางแห่งพุทธศาสนาในชมพูทวีป ซึ่ง พระเจ้าอโศกมหาราช ทรงส่ง พระโสณะเถระ และ พระอุตตระเถระ มาเผยแผ่ศาสนายังศูนย์กลางแห่งสุวรรณภูมิ ซึ่งได้แก่เมืองอู่ทอง จ.สุพรรณบุรี นับเป็นสิ่งชี้ชัดถึงความหมายและความสำคัญของ "สุวรรณภูมิ" ทางพุทธศาสนาอย่างชัดเจน มีการขุดค้นพบพุทธศิลปะเก่าแก่ในจังหวัดสุพรรณบุรีมากมาย โดยเฉพาะพระพุทธปฏิมากรบูชาอายุราวพุทธศตวรรษที่ 17-18 พบที่ อ.อู่ทอง บ้านหนองแจง อ.ดอนเจดีย์ อ.เมือง และ อ.เดิมบางนางบวช โดยเฉพาะที่ อ.อู่ทอง หรือ อ.จรเข้สามพัน จะพบพระพุทธรูปบูชาอู่ทอง-สุวรรณ ภูมิมากเป็นพิเศษ นับเป็นสิ่งยืนยันถึงความเป็นศูนย์ กลางแห่งพุทธศาสนาของดินแดนสุวรรณภูมิก่อนที่จะกระจายไปยังภูมิภาคต่างๆ ได้เป็นอย่างดี
พระพุทธรูปสมัยอู่ทองสุวรรณภูมิ ซึ่งถือเป็นต้นกำเนิดของพระพุทธรูปศิลปะของคนไทย ซึ่งมีพระพุทธลักษณะโดยทั่วไปคือ พระเกศเป็นฝาละมี เม็ดพระศกเป็นเหมือนเม็ดสาคู หัวกะโหลกใหญ่เป็นเหมือนกะโหลกซอ เริ่มเห็นเส้นแบ่งระหว่างเม็ดพระศกและพระนลาฏ (หน้าผาก) มีฝีพระโอษฐ์หนาและแบะ พระเนตรมองต่ำในลักษณะที่มีสมาธิเหมือนมองที่ฝ่ามือของพระองค์ พระขนงจะเน้นความสูงต่ำของเปลือกตาเท่านั้น บ่งถึงศิลปะอันสูงส่ง พระกรรณทั้งสองข้างใหญ่และยาวจรดบ่า พระหัตถ์ขวาท่านจะใหญ่และแข็งในพุทธลักษณะพิมพ์สะดุ้งมาร พระ หัตถ์ซ้ายจะวางอยู่บนตัก มีนิ้วชี้ยกขึ้นเพื่อเน้นให้เห็นว่าบนกลางฝ่าพระหัตถ์มีลูกสมอ เราเรียกว่าเป็นปางสานสมอ เพื่อเพ่งให้เข้าสู่สมาธิ และรัดประคดขององค์พระอันเป็นเอกลักษณ์สำคัญ จะเห็นได้ชัดทั้งด้านหน้าและด้านหลังขององค์พระพุทธรูป สันนิษฐานว่าน่าจะได้รับอิทธิพลจากขอม ที่เน้นความขรึมขลังและลึกลับมีอำนาจน่าเกรงขามครับผม
พระอู่ทองสุวรรณภูมิ (เนื้อสัมฤทธิ์รมดำ) ที่ระลึกเปิดอาคารเรียนโรงเรียนเจ้าคุณธงชัย ใต้ฐานมีโค้ด และหมายเลขกำกับ ขนานสูง 2.2 ซ.ม. กว้าง 1.7 ซ.ม.