ความเชื่อเกี่ยวกับพระราหู
เชื่อกันว่าการบูชาพระราหูหรือ เรียกอีกชื่อ หนึ่งว่า "เทพราหู" ซึ่งถือเป็นเทพงค์หนึ่งสามารถบันดาลประโยชน์และโทษให้เกิดขึ้นกับบุคคล หรือสิ่งต่างๆ ได้
ดังนั้นจึงได้มีคิดค้นวิธีการบูชาพระราหูเกิดขึ้น
เนื่องจากมีความเชื่อว่า...ให้สิ่งที่เลวร้ายอันอาจจะเกิดขึ้น ให้บรรเทาเบาบางลง แปรเปลี่ยนเป็นสิ่งที่ดี เกิดความสำเร็จในหน้าที่การงาน มีโชคมีลาภ เจริญ ก้าวหน้าร่ำรวย
ตามตำนานเล่ากำเนิดของพระราหูมีมากมาย พระราหูเป็นโอรสของพระวิประจิตติ และพระนางสิหิกา
เมื่อแรกเกิดขึ้น พระราหูมีหางเป็นนาค สถิตอยู่ในวิมานสีนิชล หรือสีดำขลับ โดยมีพาหนะเป็นพญาครุฑ
พระราหูถิเป็นเทวะองค์ที่8 ในบรรดาเทพแห่งนพเคราะห์
ในคัมภีร์อินเดียโบราณ บันทึกว่าพระศิวะได้นิรมิตผีโขมด 12 ตน และร่ายพระเวทป่นให้ผีนั้นแหลกละเอียดเป็นผุยผงจากนั้นนำผ้าสีดำสนิทมาห่อ และประพรหมด้วยน้ำอมฤตเสกสรรบันดาลให้กลายเป็นเทวะองค์ที่ 8 นามว่าพระราหู
พระราหูทรงเป็นอสูรเทพ คือเป็นเทพที่มีรูปกายเป็นยักษ์นั่นเอง มีพระวรกายเป็นสีดำสนิท และทรงอาภรณ์สีดำบ้างก็สีทองแดง
ในคัมภีร์โบราณฮินดูกล่าวว่าพระราหูเป็นโอรสของพระพฤหัสบดีกับนางสิหิกา มีหาหนะเป็นสิงห์
พระราหูทรงเป็นพี่น้องกับพระอาทิตย์ และพระจันทร์ ก่อนมากำเนินบนสวรรค์
มีเรื่องเล่าว่า...อดีตชาติมีเรื่องราวเกิดขึ้นที่บ้านของเศรษฐีผู้มั่งคั่งผู้หนึ่ง มีบุตรชาย 3 คน คนโตอดีตชาติคือพระอาทิตย์ คนรองอดีตชาติคือพระจันทร์ และคนสุดท้องอดีตชาติคือพระราหู
ต่อมาเมื่อเศรษฐีได้ถึงแก่กรรมลง ทั้ง 3 พี่น้องได้นิมนต์พระมาทำบุญโดยการใส่บาตร
พี่คนโตคว้าขันทองคำพร้อมอธิษฐานด้วยเสียงดังว่า...ผลบุญที่กระทำไว้จงส่งผลให้เกิดเป็นพระอาทิตย์เพื่อส่องแสงในยามกลางวัน
พี่คนรองคว้าได้ขันเงิน เมื่อใส่บาตรเสร็จจึงอธิฐานดังๆ ว่า...ขอให้เกิดเป็นพระจันทร์ทำหน้าที่ส่องแสงในยามค่ำคืน
ส่วนคนสุดท้องเมื่อได้ฟังพี่ชายทั้ง 2 ของตนอธิฐานก็โกรธเป็นอย่างมาก จึงคว้ากระบุงใส่ข้าวมาใส่บาตร อธิฐานดังๆ ว่า...ขอให้ตนเกิดเป็นพี่ชายใหญ่ของพระอาทิตย์ และพระจันทร์ มีร่างกายใหญ่โตจนสามารถบดบังแสงของพระอาทิตย์ และพระจันทร์ไว้
กาลเวลาต่อมาเมื่อทั้ง 3 คน สิ้นอายุขัยลง คำอธิฐานไว้ก็เป็นไปดังที่ขอทั้งสิ้น
เวลากลางวันเมื่อพระราหูโคจรมาพบพระอาทิตย์ ก็บดบังแสงไว้มิให้ส่องลงมายังโลก เหตุนี้จึงเรียกว่าการเกิดสุริยุปราคา
และเวลากลางคืนพระราหูก็จะบดบังอมพระจันทร์ไว้ให้มืดมิด เหตุนี้จึงเรียกว่าการเกิดจันทรุปราคา
ส่วนเหตุที่ทำให้พระราหูมีร่างขาดเป็น 2 ท่อน เล่ากันว่าพระราหูได้แปลงตัวเป็นเทวะองค์หนึ่งเข้าร่วมการชุมนุมของทวยเทพ และได้ดื่มน้ำอมฤตเข้าไป แต่ทว่า พระสุริยาทิตย์ และพระจันทร์ได้สังเกตเห็น จึงนำความไปบอกพระวิษณุ หรือพระนารายณ์ ว่าพระราหูลอบแปลงร่างเข้ามาดื่มน้ำอมฤต พระนารายณ์ทรงกริ้วจึงขว้างด้วยจักรถูกพระราหูจนขาดไปครึ่งองค์ แต่หาได้ทรงสิ้นชีพ เนื่องจากได้ดื่มน้ำอมฤตเข้าไปแล้ว จึงมีฤทธานุภาพสูงเทียมเท่ากับเทวะทั้งมวล
พระราหูจึงเหลือแต่ท่อนหัว ล่องลอยไปมาในสวสรรค์คอยจับพระอาทิตย์ และพระจันทร์มากินเพื่อแก้แค้นเช่นเดิม
ส่วนท่อนล่างของพระราหูที่กระเด็นขาดหายไปได้กลายไปเป็นพระเกตุ เป็นเทวะแห่งนพเคราะห์องค์ที่9 ซึ่งมีรูปลักษณ์เป็นดาวหาง หรือผีพุ่งไต้ เกิดขึ้นนานๆ ครั้งในชั้นบรรยากาศนั่นเอง