


เหรียญเม็ดแตงเอกชัย ไอ้ไข่เด็กวัดเจดีย์(ทองแดงหูตัน)รุ่นทรัพย์เหลือล้น62 วัดเจดีย์ จ.นครศรีธรรมราช(มีโค้ดกำกับ)
นับถอยหลังไปเกือบ ๓๐๐ ปี ครั้นกรุงศรีอยุทธยาเป็นราชธานี มีเถระแห่งดินแดนศรีวิชัย ผู้คนต่างเรียกขานท่านในนาม "หลวงปู่ทวด" ได้เดินทางธุดงค์มุ่งสู่เมืองหลวง ครั้งมาถึงฐานถิ่นวัดเจดีย์ ด้วยมีสหายธรรม ผู้เรียนวิชาธรรมยังเมืองคอน นามว่า "ขรัวทอง" เลยถือโอกาสแวะเยี่ยมเยือน มิลืมเลือนว่าสหาย เป็นสมภารเจ้าวัดอยู่
ในการนั้น "หลวงปู่ทวด" เอง ได้นำพากายาเด็กชาย หมายให้ปรนนิบัติ ด้วยเห็นว่าฐานถิ่นนี้ต่อไป จะศิวิไลเจริญรุ่งเรือง จึงบอกเด็กชายผู้นั้นว่า.. "เจ้าจงอยู่ที่นี้เถิด จะก่อเกิดผลดี มีความหมาย ด้วยเจ้าจงเฝ้าสู่ดังคำเราทำนาย ให้หมั่นหมายเจริญในเชิงธรรม"
แล้วกำชับเพื่อนธรรม ขอฝากเด็กชายผู้นี้ด้วย จากนั้นก็เดินทางธุดงค์ต่อไป ยังอยุทธยาราชธานี เด็กชายจึงกลายกลับ เป็นเด็กวัดเจดีย์ นับจากนั้นเป็นต้นมา ดังมีเรื่องราวในตำนานเมืองนครศรีธรรมราช.. กล่าวถึง เหตุการณ์ครั้นเจ้าพระยาคืนเมือง มีท้องตรามายังเมือง "อลอง" (ต.ฉลอง ในปัจจุบัน) มีบันทึกว่า..
"มาถึงเมืองอลอง แวะพักหนึ่งคืน นมัสการสมภารทอง มีศิษย์เกะกะชื่อไอ้ไข่เด็กวัด.." ถึงจะเป็นเด็กเกะกะซุกซน แต่ไอ้ไข่ก็เปี่ยมด้วยอนุภาพพิเศษ แปลกแตกต่างจากเด็กทั่วไป ชอบช่วยเหลือผู้คน หากใครมีปัญหาที่หมดปัญญาที่จะแก้ไข เป็นต้องมาออกปากไอ้ไข่ทุกคราไป จึงไม่มีใครเกียดชังถึงจะซุกซนเกเร
ด้วยเป็นเด็กที่จริงจัง ทั้งวาจา และจิตใจ รับปากใครแล้วเป็นต้องทำให้ได้ ถึงจะเป็นอันตรายก็ตาม ว่ากันว่าควายตัวไหนพยศ หากไอ้ไข่จับหางติดจะไม่ปล่อยเป็นเด็ดขาด ถึงควายจะวิ่งอย่างไร จนควายตัวนั้นต้องละพยศหมดฤทธิ์ ไอ้ไข่ จึงกลายเป็นเด็กที่เป็นขวัญใจของคนในยุคนั้น
เด็กชายอยู่วัดเจดีย์ จนวันหนึ่งรู้ด้วยญาณของเด็กศักดิ์สิทธิ์ ว่าพระอาจารย์เราจะเดินทางกลับ ครันจะอยู่รอรับก็กลัวท่านจะพาตัวกลับไป ด้วยสัจจะวาจาที่ให้ไว้ ว่าจะอยู่ดูแลสถานที่นี้ จึงเดินมุ่งหน้าลงในสระ หมายสละกายเหลือเพียงจิต เพื่อสิงสถิตย์ดูแล ดังคำที่ได้ให้ไว้กับ "หลวงปู่ทวด"
จากนั้นก็ไม่มีใครเห็นเด็กชายคนนั้นอีกเลย ไม่พบแม้แต่ร่าง ไม่เห็นแม้แต่เงา ด้วยพลีกายละสังขาร เหลือแต่ดวงวิญาณรักษาฐานถิ่น วัดเจดีย์ สืบมา..
วิธีการบูชา
ทางวัดบอกว่า ขนมหวาน น้ำ ได้หมด แต่ที่ควรบูชาที่ท่านชอบคือ น้ำแดง และขนมเปี๊ยะจะดีมาก และไม่ควรถวายของแก้บนหรือบนบานในวันพระ
ของที่นิยมนำมาเป็นของแก้บนคือ
1.ไก่ชน แบบปูน
2.ชุดทหาร
3.หนังสติ๊ก
4.ประทัด
จุดธูป 3 ดอกสำหรับการบูชา แต่ถ้าแก้บนจุด1 ดอก ทั้งนี้ ตามคำบอกเล่าของกรรมการวัด
***คำถามยอดฮิต..
ที่สมาชิกถามกันมามากมาย ทางแชท (ข้อความส่วนตัว) คือ..
1.เราควรเรียก "ไอ้ไข่" ว่าอะไรดีครับ/ค่ะ
2."ไอ้ไข่" ใช่กุมาร (ทอง) ไหมครับ/ค่ะ
***ขอตอบว่า..
1. การเรียก "ไอ้ไข่" ไม่ใช่ว่าเราจะไม่แสดงความเคารพ แต่นั้นคือรูปนามของท่าน ท่านจะรับรู้ชื่อท่านในนามว่า "ไอ้ไข่" ก่อนหน้านั้นชาวบ้านเรียกท่านว่า เด็กวัด ทวดเที่ยง หักเหล็ก ผู้แกะไม้ทองหลวง ในยุคต้น
และผู้แกะไม้ตะเคียน ตามคำขอของ เด็กวัด ใน ปี ๒๕๒๕ ว่า.. "ช่วยแกะรูปใหม่ให้เราหน่อย" ถือได้ว่า ทวดเที่ยง เป็นผู้เปิดตำนาน "ไอ้ไข่เด็กวัดเจดีย์" ตัวจริง ได้ตั้งชื่อให้ เด็กวัด ว่า "ไอ้ไข่" ในปี ๒๕๒๖
การเรียกทั่วๆ ไป ใครจะเรียก ตาไข่, ลุงไข่,
ทวดไข่ ก็ตามแต่ท่านจะเรียกแล้วกัน #แต่ข้อบอกเคล็ดลับว่า เวลาไหว้ขอพร หรือบนบานท่าน ให้เรียก "ไอ้ไข่เด็กวัดเจดีย์" เพราะอย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น ว่าท่านจะรับรู้นามนี้ ท่านจะได้รับรู้คำขอ คำบนบาน ของเราเร็วขึ้น
2. "ไอ้ไข่" ท่านไม่ใช่กุมาร (ทอง) ท่านเป็นดวงจิตที่มีอิทธิฤทธิ์ และสะสมบุญบารมี ด้วยการช่วยเหลือชาวบ้าน ต่อมาก็มาช่วยเหลือสร้างความเจริญ ให้บวรพุทธศาสนา ส่วนตัวเชื่อว่าท่านน่าจะ ยกระดับจิตเป็นขั้นเทพ ไปแล้ว
และด้วยเหตุที่ "ไอ้ไข่" ไม่ใช่กุมาร (ทอง) ดังนั้นเราควรหลีกเลี่ยง การเรียกท่านว่า.. ลูก (เพราะหลายคนเรียกแบบนี้จริงๆ) ด้วยความเข้าใจผิด คิดว่าท่านเป็นกุมาร (ทอง)
คาถาบูชาไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์
ตั้งนะโม 3 จบ แล้วว่าดังนี้...
อิติ อิติ กุมาระไข่เจดีย์ จะมหาเถโร
ลาภะ ลาภา ภะวันตุเม
ตั้งจิตอธิฐานขอเรื่อง โชคลาภ เงินทอง ค้าขาย เมตตามหานิยม บนเรื่องงาน กิจการ ให้สำเร็จราบรื่น