จตุคามรามเทพ รุ่นสัจจะอธิษฐาน หลังยันต์ดวงตรามหาอุจจ์(ทองแดง ขนาด 5 ซม.)ปี50 อ.ลักษณ์ เรขานิเทศ
🎯วัตถุประสงค์ในการจัดสร้าง
1. สมทบทุนสร้างพระมณฆปให้หลวงพ่อพระทองคำ วัดไตรมิตร
2. สร้างหอประวัติศาสตร์โหร จ.พระนครศรีอยุธยา
3. มอบให้มูลนิธิร่วมกตัญญู
4. ประกาศและเผยแพร่สกุลช่าง ที่เป็นนายช่างของกรมศิลปากรและเป็นช่างมีฝีมือของคนไทย
5. ต้องการรักษาพระศาสนาและต้องการเป็นศูนย์กลางในการปฏิบัติธรรม
🎯สุดยอดพิธีกรรม ฤกษ์งามยามดี 9 วาระ ดังนี้.-
วาระที่1 : วาระแห่งการเปิดฟ้า เปิดดิน เดือนหนึ่งจะมีครั้งเดียว ณ วิหารจตุคามรามเทพ วัดอุบลวนาราม(วัดบัว)ในวันจันทร์ดับที่ 19 มีนาคม 2550
วาระที่2 : วาระแห่งการบวงสรวง ณ ยอดภูเขาทอง วัดสระเกศวรมหาวิหาร ตรงกับวันเสาร์ห้า ตรงกับวันเสาร์ แรม 5 ค่ำ เดือน 5 วันที่ 7 เมษายน 2550
วาระที่3 : ฤกษ์สะดวกเทวดาจัดสรร ลามะธิเบต ลิโปเช ทำพิธีพุทธาเทวาภิเษก ณ พระอุโบสถ วัดไตรมิตร วันที่ 27-29 เม.ย.2550
วาระที่4 : พิธีมหาพุทธาเทวาภิเษก มีการเททองหล่อจตุคามรามเทพ ในฤกษ์ดี วันที่ 12 พ.ค.2550 ณ วัดแค จ.สุพรรณบุรี
วาระที่5 : วาระแห่งการกดพิมพ์นำฤกษ์ จารองค์จตุคามรามเทพ ปลุกเสกมวลสาร สุดยอดฤกษ์งามยามดี ประกาศสัจจะอธิษฐานต่อเทพยดา ณ มหาเจดีย์บุโรพุทโธ มหาเจดีย์เมนดุด วัดเชอวู(เจดีย์พันยอด)ศูนย์กลางอาณาจักรศรีวิชัย ประเทศอินโดนีเซีย ดินแดนปฐมกำเนิดอาณาจักรศรีวิชัย ในวันที่ 18-20 พ.ค.2550
วาระที่6 : วาระประวัติศาสตร์ ครั้งแรกของโลก นครวัด-นครธม พิธีพุทธาเทวาภิเษก 6-8 ก.ค.2550 สุดยอดพิธีศักดิ์สิทธิ์ วันที่ 7 เดือน 7 ปี 2007
วาระที่7 : วันพระเสาร์ย้าย ฤกษ์งามยามดี 30 ปี มีครั้งเดียว ณ พระอุโบสถ วัดไตรมิตรฯ ในวันที่ 9-10 สิงหาคม 2550
วาระที่8 : พิธีมหาพุทธาเทวาภิเษกครั้งยิ่งใหญ่ ณ ดินแดนต้นกำเนิดจตุคามรามเทพ จ.นครศรีธรรมราช ในวันที่ 2-3 พฤศจิกายน 2550
วาระ ที่9 : พิธีมหาพุทธาเทวาภิเษก ในวันดาวพฤหัสบดียกย้ายราศี ฤกษ์งามยามดี 12 ปีมีครั้งเดียว ณ พระอุโบสถ วัดไตรมิตรฯ เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2550
*** วาระพิเศษ อีก 13 วาระ *** ดังนี้.-
วาระที่1. พิธีบวงสรวงดวงวิญญาณท้าวสุรนารี (ย่าโม)จ.นครราชสีมา
วาระที่2. พิธีบวงสรวงดวงพระวิญญาณอดีตบุรพกษัตริยาธิราชเจ้า ทั้ง 3 พระองค์ จ.เชียงใหม่
วาระที่3. พิธีบวงสรวงดวงพระวิญญาณพระแม่จามเทวี จ.ลำพูน
วาระที่4. พิธีบวงสรวงดวงพระวิญญาณพญาเม็งรายมหาราช จ.เชียงใหม่
วาระที่5. พิธีบวงสรวงสักการะองค์พระนารายณ์มหาราช จ.ลพบุรี
วาระที่6. พิธีบวงสรวงสักการะสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ณ กรมอู่ทหารเรือ พระราชวังเดิม
วาระที่7. พิธีบวงสรวงสักการะพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ณ เชิงสะพานพุทธ
วาระที่8. พิธีบวงสรวงสักการะ อดีตบุรพกษัตริยาธิราชเจ้า พระมหาธีรราชเจ้า (ร.6) ณ สวนลุมพินี
วาระที่9. พิธีบวงสรวงสักการะกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ณ ฐานทัพเรือกรุงเทพ
วาระที่10. พิธีบวงสรวงสักการะแด่อดีตบุรพกษัตริย์ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ณ พระราชวังจันทร์ จ.พิษณุโลก
วาระที่11. พิธีบวงสรวงสักการะ พระบรมราชานุสาวรีย์พระปิยมหาราช(ร.5) ณ ลานพระบรมรูปพระราชวังดุสิต
วาระที่12 พิธีทำบุญอุทิศให้ทวยเทพเทวาและสักการะพระบรมสารีริกธาตุ ณ ดอยสุเทพ จ.เชียงใหม่
วาระที่13. พิธีบวงสรวงสักการะพ่อขุนรามคำแหงมหาราช ณ อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย จ.สุโขทัย
🎯ด้านหน้า : เป็นองค์จตุคามรามเทพ
การที่องค์จตุคามรามเทพมี 4 พระกร นั้น หมายถึง องค์จตุคามรามเทพเป็นดวงพระวิญญาณของอดีต กษัตราธิราชเจ้า มหากษัตริย์แห่งศรีวิชัย ที่คุ้มครองรักษาดินแดนของประเทศไทยและสุวรรณภูมิ พระกษัตริย์ทุกพระองค์ในดินแดนแว่นแคว้นนี้ จะเป็นสมมุติเทวราช ก็คือ เป็นพระนารายณ์อวตาร มีพาหนะ คือ ครุฑ แสดงว่ารากแห่งการก่อกำเนิดแห่งเทวราช มาจากพระนารายณ์ ดังนั้นรูปทรงองค์พิมพ์จึงเป็นองค์พระนารายณ์ มี 4 พระกร ลักษณะของเครื่องทรงเป็นแบบศรีวิชัย
*พระหัตถ์ขวาด้านหนึ่งทรงจักร หมายถึง การที่องค์เทวเทพต้องมีอาวุธ เป็นเทพศัตราวุธ ไว้ขจัดปัดเป่าเรื่องร้ายๆ หรือมารที่มาผจญ ให้มลายสูญสิ้นไป เป็นอาญาสิทธิ์แห่งองค์พระนารายณ์ จะเห็นได้ว่าราชวงศ์จักรีของกรุงรัตนโกสินทร์ก็ใช้จักรเป็นสัญลักษณ์ของ ราชวงศ์เช่นเดียวกัน ก็สื่อความหมายถึงองค์พระเจ้าแผ่นดิน หรือพระเจ้าอยู่หัวฯ ตั้งแต่กาลก่อนจนถึงปัจจุบัน แสดงถึงพระอำนาจและบารมี ของพระองค์ท่าน หมายถึงองค์เทพเทวา องค์พระนารายณ์
*พระหัตถ์ขวาอีกด้านหนึ่งยกขึ้นมาแสดงท่ามุทา แสดงถึงการประทานพร แสดงถึงการแผ่เมตตา โปรดสัตว์ ให้ทุกคนมีความสุข ความเจริญ มีความสำเร็จดังที่ปรารถนา หากอยู่ในกรอบศีล กรอบธรรม และไม่ขัดต่อกฎระเบียบของประเทศ ไม่ขัดต่อกฎหมายอันดีในการบริหารของประเทศนั้นๆ
*พระหัตถ์ซ้ายด้านหนึ่งถือดอกบัว ดอกบัวนี้คือดอกบัวโบราณตามแบบที่นายช่างพิทักษ์ เฉลิมเล่าได้บอกว่า เคยเล่าเรียนมาตามโบราณมีลักษณะแบบนี้ แสดงถึงการตรัสรู้ ปัญญา แสดงถึงโพธิสัตว์ แสดงถึงการปรารถนาที่จะเข้าไปสู่พุทธภูมิ หรือ การยังเป็นพุทธศาสนิกชนผู้มีปัญญา ซึ่งยังต้องเรียนรู้ตามภูมิปัญญา ซึ่งยังต้องเรียนรู้ตามบัว 4 เหล่า ก็คือ เรียนรู้ตามบุญวาสนา ไปตามบัว 4 เหล่าที่พระพุทธองค์ทรงแบ่งไว้
*พระหัตถ์ซ้ายอีกด้านหนึ่งถือหอยสังข์เทลงสู่พื้นดิน แสดงถึงการประกาศสัจจะอธิษฐาน โบราณกาลก่อนที่มีมาตั้งแต่พระนเรศวรประกาศอิสรภาพ ก็เทน้ำ ถ้าย้อนหลังไปถึงสมัยพุทธกาล พุทธองค์เป็นพระโพธิสัตว์ พระเวชสันดร มอบช้างให้แก่พราหมณ์ก็ประกาศด้วยการเทน้ำ มอบกัณหาชาลี ก็ประกาศโดยการเทน้ำ เหมือนการประกาศสัจจะให้เทพยดาฟ้าดิน แม่พระธรณี แม่พระคงคาด้วยได้รับรู้ เหมือนกับประกาศสัจจะอธิษฐานเป็น เอกราชที่ชัดเจนของจตุคามรุ่นสัจจะอธิษฐาน หากมีความจริง ความดีแล้วไซร้ ก็ประกาศอธิษฐานไปเลยว่าปรารถนาสิ่งใด ที่เป็นไปด้วยชอบประกอบด้วยธรรม แสดงถึงสิ่งต่างๆ ที่ได้ตั้งใจมุ่งมั่นได้อุบัติขึ้นแล้ว
*ที่พระเศียร มีลักษณะเป็นพระพุทธเจ้าอยู่บนพระเศียรของท่าน มีลักษณะเป็นพระพุทธรูป จะถือว่าปางมารวิชัยก็ได้ แสดงถึงการปราบมาร จะถือว่าเป็นปางรัตนสัมภาวะพระพุทธเจ้าก็ได้ ทำให้สัณนิษฐานได้ว่าพระพุทธรูปองค์นี้ อยู่ทางทิศใต้ของมหาเจดีย์บุโรพุทโธ และอยู่ที่วัดมหาธาตุ จ.นครศรีธรรมราช เป็นพระลักษณะคล้ายพระไพรีพินาศ เรียกว่า รัตนสัมภาวะของพระพุทธเจ้า ซึ่งแสดงถึงความเมตตา การปราบหมู่มารที่มาผจญให้มลายสูญสิ้นไป เพื่อแสดงถึงการบรรลุโพธิธรรมเป็นพระโพธิสัตว์ หรือเป็นพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งในพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ แสดงถึงเทวศาสตร์ องค์เทพเทวะ ยังอยู่ภายใต้หลักสัจจธรรม และหลักธรรมขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้านั่นเอง แสดงว่าหลักความเชื่อนี้ไม่ได้ เหนือไปกว่าความเชื่อในข้อธรรมหรือความเชื่อ ในองค์ความรู้ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นทางเดินไปสู่องค์แห่งความเชื่อในพระพุทธศาสนาตามบัว 4 เหล่า ที่ยังต้องมีการเวียนว่าย ตาย เกิด อยากได้ อยากใคร่ อยากมี อยากเป็น ยังหนีไม่พ้นความเป็นโลกธาตุ โลกธรรม 8 ประการ คือ มีลาภเสื่อมลาภ มียศเสื่อมยศ มีสุขมีทุกข์ มีสรรเสริญ มีนินทา
*นอกจากนั้นที่พระเศียรยังมีรูปเสี้ยวพระอาทิตย์ และพระจันทร์ "พระอาทิตย์" บ่งบอกถึงความสว่าง หรือปัญญาอันสูงสุด แสดงถึงการมีพระบารมีและอำนาจดุจพระอาทิตย์ ที่มีแสงสว่างให้กับสรรพสัตว์ในโลก "พระจันทร์" เป็นชื่อของพระองค์ท่าน คือ พระเจ้าจันทรภาณุ พระจันทร์ ยังแสดงถึงความสุขุมลุ่มลึก มีความร่มเย็นเป็นสุข ดุจดั่งในศิลาจารึก กล่าวโดยสรุป องค์จันทรภาณุ หรือจตุคามรามเทพนั้น มีความหมายถึง การบารมี อำนาจ ดุจพระอาทิตย์ ที่มีความสง่างาม และมีความงดงามดุจพระจันทร์ หรืออีกนัยหนึ่ง พระอาทิตย์พระจันทร์ คือ สุริยันจันทรา ซึ่งเป็นที่อาศัยของมวลสรรพสัตว์ทั้งหลายในโลกนี้ ให้ได้ดำรงคงอยู่อย่างปกติสุขบนโลกมนุษย์นี้ ให้มีวิถีชีวิตที่สงบสุขยามที่มีชีวิตอยู่ในโลกนี้
*ความหมายของพญานาคราชทั้งคู่นั้น ด้านพระหัตถ์ซ้ายของพระองค์ท่าน คือนาคตัวผู้ มีสุริยันอยู่ที่เศียรของพญานาค แสดงถึงอำนาจบารมี ที่ด้านขวามี นาคตัวเมีย มีพระจันทร์อยู่ที่เศียร แสดงถึงความงาม เสน่ห์ เมตตา และพญานาค ยังแสดงถึงการเชื่อมฟ้ากับแผ่นดิน และบาดาลพระพุทธองค์เมื่อครั้งเสด็จลงจาก สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ก็ยังเสด็จผ่านลงมายังบันไดนาคลงมาสู่โลกมนุษย์ และยังเป็นสะพานเชื่อมไปสู่โลกบาดาล อีกประการหนึ่งผู้ครอบครองทรัพย์สมบัติในโลกนี้ก็ต้องมี การสื่อถึงองค์นาคา พญานาค ผู้เป็นเจ้าแห่งพิภพหรือแผ่นดิน
*ลักษณะองค์เทวราชจตุคามรามเทพ ที่ประทับอยู่บนดวงตราพญาราหูนั้น อธิบายได้ว่า ราหูเป็นอุปราชในท้าวกุเวรมหาราช ผู้ครอบครองทรัพย์ใน 3 โลก ท้าวกุเวรมหาราชหรือองค์ไฉ่ซินเอี้ย ผู้ที่มีอำนาจปราบพระราหูได้คือพระนารายณ์ ซึ่งครั้งหนึ่งพระนารายณ์เคยขว้างจักรตัดกลางตัวราหู ราหูเลยเกรงกลัวต่ออำนาจพระนารายณ์ ในมุมแห่งเทวศาสตร์ จึงมีความเชื่อว่าจะคายเงิน คายทอง ให้แก่ผู้มีครอบครองและบูชา อีกนัยหนึ่งพระราหูนั้นเป็นผู้อมพระอาทิตย์และอมพระจันทร์ ก็เปรียบประดุจกลืนกินกาลเวลา อาทิตย์ทำให้เกิดกลางวัน พระจันทร์ทำให้เกิดกลางคืน ราหูคือผู้กลืนกินกาลเวลาที่ทุกคนเห็นว่ามีค่าที่สุด องค์พระนารายณ์ก็มาปราบให้ทุกคนมีสติ ที่จะรู้เท่าทันกาลเวลาที่ผ่านไป ที่ทำให้สิ่งมีประโยชน์ได้เกิดขึ้นทุกวันชั่วนาตาปี สิ่งนี้เป็นปรัชญาทางความคิดในอีกมุมหนึ่ง
ด้านหลังเป็นยันต์ดวงตรามหาอุจจ์ มหาอุจจ์ในทางโหราศาสตร์ แปลว่าสูงส่ง หากใครมีไว้ครอบครอง จะเสริมบารมีให้สูงส่ง สำหรับผู้ที่มีไว้ครอบครอง สามารถอธิษฐานให้อยู่ยงคงกระพัน แคล้วคลาดจากภัยอันตรายได้ด้วยเช่นกัน