พระนางตรา พิมพ์นาคปรก (ผงพระนางตรากรุเก่า ว่านผสมดินกากยายักษ์) รุ่น 100 ปี ปี41 วัดนางตรา อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช ท่านขุนพันธรักษ์ราชเดช เจ้าพิธี
ท่านขุนพันธ์ เป็นเจ้าพิธี ร่วมปลุกเสก กับเกจิอาจารย์ หลายท่าน รุ่นนี้เป็น พระนางตรา รุ่นสุดท้ายที่ท่านสร้างฝากไว้กับแผ่นดิน ซึ่งท่านถือว่าเป็นพระที่คุ้มครองท่านมาตั้งแต่เป็นมือปราบตำรวจ แคล้วคลาด ปลอดภัยมาหลายครั้ง เป็นพระเนื้อผงว่านผสมดินกากยายักย์ และผสมผงพระนางตรากรุเก่าด้วย ถือเป็นพระอีกรุ่นหนึ่งที่น่าสะสมโดยเฉพาะสายพระกรุและสายท่านขุนพันธ์แท้ๆ
วัถุประสงค์ในการจัดสร้าง
1. สนับสนุนปรับปรุงสนามกีฬาโรงเรียนจุฬาภรณราชวิทยาลัย จ.นครศรีธรรมราช
2. สนับสนุนปรับปรุงโรงเรียนท่าศาลาประสิทธิศึกษา อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช
3. สนับสนุนปรับปรุงโรงพยาบาลท่าศาลา อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช
4. เป็นอนุสรณ์ในโอกาสเฉลิมฉลอง 100 ปี ท่าศาลา
ย้อนหลังเมื่อ ร.ศ.116 หรือ พ.ศ.2441 ชื่อ "อำเภอกลาย" เป็นเพียงอำเภอน้องใหม่ของจังหวัดนครศรีธรรมราช ต่อมาเป็น "อำเภอท่าศาลา" ในปัจจุบัน
ที่นี่เป็นที่ตั้งของวัดพระนางตรา ม.3 ต.นางตรา บนเนื้อที่ 8 ไร่เศษ อยู่ห่างจากตัวเมืองนครศรีธรรมราชราว 20 กิโลเมตร อ.ท่าศาลา
ในปีพ.ศ.2541 วัดจัดงานเฉลิมฉลอง 100 ปี ชื่อ "พระนางตรา" ถูกอัญเชิญขึ้นมาบรรจุทำเนียบพระเครื่องสายพันธุ์แท้หนึ่งใน ไม่กี่ตระกูลที่คนต่างถิ่นรู้จัก ผู้เป็นต้นธารกระแสจตุคามรามเทพคนสำคัญคือ "ขุนพันธรักษ์ราชเดช" อดีตตำรวจมือปราบมือฉมัง เล่าว่าเมื่อไปปราบโจรผู้ร้ายคนสำคัญๆ หลายครั้งนำพระนางตราติดตัวไป ท่านเชื่อว่าเป็นพระที่คุ้มครองให้ปลอดภัยและอยู่ยงคงกระพัน
ในประสบการณ์ส่วนตัวของท่านเอง ท่านขุนพันธ์เคยพูดว่า "พระเครื่องนคร นางตราก็ดี ท่าเรือก็ดี สมเด็จก็ดี ห้ามไม่ให้ทดลอง เพราะไมใช่ของเล่น แต่ถ้าอยู่กับตัวจะคุ้มครอง จะอยู่ยงคงกระพัน แต่ถ้าทดลองก็พัง"
ในวาระฉลองหนึ่งศตวรรษท่าศาลา มีหนังสือชุด "ท่าศาลาคดีศึกษา" ข้อมูลเบื้องต้น ที่ค้นคว้าโดยสองนักวิชาการคนสำคัญสายเลือดท่าศาลา บุญเสริม แก้วพรหม และ สวัสดิ์ ขนอม เรื่อง "พระนางตรา" ออกมาปรากฏ ผู้มีส่วนร่วมอย่างสำคัญในการจัดหามวลสาร เผยแพร่บันทึกการเดินทางไปหามวลสาร คือ วิชาญ เชาวลิต ได้แถลงความเป็นมาว่า ตั้งแต่เกิดมาจนอายุ 43 ปี เขาไม่เคยเห็นพระพิมพ์นางตรามาก่อนเลยในชีวิต และไม่เคยรู้จักเจ้าพิธีคือขุนพันธรักษ์ราชเดชผู้มอบหมายหน้าที่จัดหามวลสาร มาก่อน ประกอบกับเหตุการณ์ระหว่างการเดินทางไปหามวลสาร 108 ว่าน ดิน หิน แร่ ครบถ้วนตามกำหนดหลายอย่าง ราวกับเป็นเหตุบังเอิญตั้งแต่ต้นจนจบภายในเวลา 33 วัน ขุนพันธ์เคยร่วมสร้างพระเครื่องมาหลายรุ่นมาก่อนหน้านั้น แต่เหตุผลที่ขุนพันธ์รับเป็นเจ้าพิธีในการจัดสร้างนางตรา รุ่นปี 2541 คือ "เราจะได้สร้างพระนางตราเป็นครั้งสุดท้ายเพื่อทดแทนพระคุณพระนางตรา"
พิธีการจัดสร้าง ได้จัดพิธีบวงสรวง สวดมวลสาร และเททองหล่อพระพุทธรูปบูชาเป็นปฐมฤกษ์ในวันศุกร์ที่ 24 กรกฏาคม 2541 ขึ้น 1 ค่ำ ณ วัดนางตรา อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช
โดย พล.ต.ต. ขุนพันธรักษ์ ราชเดชเป็นเจ้าพิธี
นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นประธานจุดเทียนชัย
พล.ท.ปรีชา สุวรรณศรี แม่ทัพภาค4 เป็นประธานเททอง
พิธีพุทธาภิเษก : วันที่ 24 มีนาคม 2542 ตรงกับ วันเสาร์ ขึ้น 4 ค่ำ เดือน 5 ปีขาล ณ อุโบสถวัดนางตรา
พระเกจิประกอบพิธีพุทธาภิเษก ประกอบด้วย พระเกจิอาจารย์สายเขาอ้อ พัทลุง
- พ่อท่านสังข์ วัดดอนตรอ
- พ่อท่านนวล วัดไสหร้า และพระเกจิอาจารย์ที่เป็นที่เคารพนับถือจำนวน 31 รูป
ทั้งนี้มี พระครูกาชาด วัดดอนศาลา จ.พัทลุง เป็นพระคุมพิธีพุทธาภิเษก และ พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ ราชเดช เป็นบัณฑิต และเจ้าพิธีฝ่ายคฤหัสถ์ การจัดหามวลสาร
มวลสารที่จัดหามาเป็นส่วนผสมในการจัดทำพระนางตรา รุ่น 100 ปีท่าศาลา ได้แก่
- พระเกศา สมเด็จพระสังฆราช
- ว่าน 108 หิน ดิน แร่ สมุนไพร ซึ่งมีสรรพคุณทั้งทางกันและทางแก้
- น้ำศักดิ์สิทธ์ที่ใช้ประกอบพิธีกรรมสำคัญจากสาระต่างๆ ทั่วประเทศ
- มวลสารจากสถานที่อันเป็นมงคลนามและสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เช่น ดินกากยายักษ์ ยะลา, หินพระธาตุ ประจวบคีรีขันธ์, ข้าวสารหิน ลพบุรี, ข้าวตอกพระร่วง สุโขทัย, ตะไคร่น้ำ พระบรมธาตุ
- เศษผงพระนางตราเดิม
- ตะไครพระธาตุ 7พระธาตุ
- ดิน7ป่า ดิน 7ทุ่ง ดินท่าน้ำ7ท่า
- ดินหน้าอุโบสถ
- ดินเจดีย์พุทธคยา ผงแก่นจันทร์ ดินท้องถ้ำที่มีชื่อป็นมงคล ดินใจกลางเมืองต่างๆ
- ผงนางพญา วัดนางพระญา พิษณุโลก
- ผงพระอาจารย์ 111 พระอาจารย์
- ผงพระเจ้าคุณนอ ผงพระเลี่ยง ผงพระปากน้ำ ผงสมเด็จวัดบางงั่ว
- ผงแร่เกาะล้าน ผงยาพระฤาษี
- ข้าวสารหิน ข้าวเม่าหิน
- ผงเหล็กน้ำพี้ และแร่เหล็กน้ำพี้จากบ่อพระแสง บ่อพระขรรค์
- ผงพระสมเด็จไพรีพินาศ
- ผงพระสมเด็จบางขุนพรหม
- แร่เขาเขียว ถ้ำปู่เจ้าเขาเขียว
- ไม้กลายเป็นหิน และมวลสารอีกมากมาย