พระหยกแกะหลังพิงกระดาน ปี36 หลวงพ่อวิริยังค์ วัดธรรมมงคล กรุงเทพฯ

เมื่อครั้งสร้างพระพุทธรูปหยกองค์ใหญ่ที่วัดธรรมมงคล มีหยกบางส่วนที่ได้มาจากการแกะสลักพระหยกใหญ่ (พระพุทธมงคลธรรมศรีไทย) ทางวัดจึงได้นำมาให้ช่างแกะสลักเป็นพระองค์เล็กไว้ให้ผู้ศรัทธาได้นำไปบูชากัน โดยมีจำนวนหลายพิมพ์

พิธีพุทธาภิเษก ในวันที่ 4 มิถุนายน 2536

นอกจากหลวงพ่อวิริยังค์ท่านได้อธิษฐานจิตแล้ว ยังมีคณาจารย์สายพระป่า ศิษย์หลวงปู่มั่นมากมายหลายรูป มาร่วมพิธีในครั้งนี้ด้วย อาทิ หลวงปู่หลอด วัดสิริกมลาวาส(วัดใหม่เสนา)กรุงเทพฯ,หลวงตามหาบัว วัดป่าบ้านตาด อุดรธานี ฯลฯ

ในศาสตร์ทางจีน หยกจะให้พลังงานทางเย็น ส่งผลดีต่อหัวใจแก่ผู้สวมใส่ ประกอบกับพุทธคุณที่พระคณาจารย์ทั้งหลายได้อธิษฐานจิตลงสู่องค์พระหยก จึงส่งผลให้เป็นสิริมงคลผู้บูชาสวมใส่อีกด้วย

ประวัติ "พระพุทธมงคลธรรมศรีไทย" พระพุทธรูปหยกองค์ใหญ่ วัดธรรมมงคล

หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร เจ้าอาวาสวัดธรรมมงคล ได้นิมิตเห็นหยกสีเขียวบริสุทธิ์ก้อนใหญ่ที่สุดในโลก ถือกำเนิดขึ้น (ซึ่งหลวงพ่อท่านใช้เวลารอคอยถึง 5 ปี) เวลาตีสามช่วงจำพรรษา เวลาเดียวกับที่ค้นพบหยกก้อนมหึมา น้ำหนัก 32 ตัน ที่เมืองแวนคูเวอร์ รัฐบริทิชโคลัมเบีย ประเทศแคนาดา เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม ปี 2534 ขุดค้นพบโดย นายจอห์น สกัลเลอร์ ที่เหมืองทอง (สันนิษฐานว่าถิ่นกำเนิดหยกก้อนนี้คือยอดเขาคิงส์เม้าท์เท่น ซึ่งเคลื่อนตัวมาที่บ่อทองคำ คำนวณการเดินทางโดยประมาณ 8,000-10,000 ปี) เมื่อได้มาเป็นกรรมสิทธิ์ จึงดำเนินการส่งลงเรือเพื่อนำมายังประเทศไทยในเดือนมกราคม ปี2535 โดยเรือชื่อ "Luanhe" ถึงวัดธรรมมงคลวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2535

หยกก้อนนี้แบ่งเป็น 2 ส่วน

ส่วนที่ 1 : นำมาแกะสลักเป็นองค์พระพุทธรูป

ส่วนที่ 2 : นำมาแกะสลักเป็นพระโพธิสัตว์กวนอิมอวโลกิเตศวร

แกะสลักโดยช่างผู้เชี่ยวชาญจากประเทศอิตาลี ใช้เวลาทำนานถึง 12 เดือน โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในหลวงรัชกาลที่9 ทรงพระราชทานนามว่า "พระพุทธมงคลธรรมศรีไทย"

และมีหยกบางส่วนที่เหลือจากการแกะสลักพระองค์ใหญ่ จึงนำมาแกะสลักเป็นองค์เล็กๆ เพื่อให้สาธุชนที่เดินทางมาวัดธรรมมงคลได้บูชา สักการะเป็นมงคลติดตัว นับเป็นสิ่งที่ทรงคุณค่าน่าสะสมบูชาเป็นอย่างมาก